Skip links

ทำไมอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ถึงเลือกใช้ถุง ESD

สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์แล้ว การป้องกันสินค้าจากปฏิกิริยาไฟฟ้าสถิต (Electrostatic discharge, ESD) ถือเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากไฟฟ้าสถิตสามารถสร้างความเสียหายให้จนอาจทำให้อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สูญเสียฟังก์ชันได้ ตลอดจน ทำให้ค่าใช้จ่ายเพื่อการซ่อมแซม การกำจัด และการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นไปด้วย

ถุง ESD (Electrostatic discharge bag) หรือ ถุงป้องกันไฟฟ้าสถิต จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญในเก็บรักษาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยถุง ESD มีให้เลือกใช้หลายรูปแบบ เช่น ถุงแบบ static-shielding ที่มีเกราะป้องกันประจุไฟฟ้า, ถุง moisture barrier bag ที่ป้องกันความชื้น, และถุงแบบ anti-static bag ที่สามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยา ESD ได้ เพื่อการันตีความปลอดภัยของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ภายใน

ในบทความนี้ Flexipack จะพาคุณไปทำความรู้จักกับถุง ESD ทั้งคุณสมบัติ การใช้งาน และเหตุผลที่ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ธุรกิจอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ได้

ถุง ESD คืออะไร

ถุง ESD (Electrostatic Discharge bags หรือ ESD bags) คือบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันชิ้นส่วนภายในจากปฏิกิริยาไฟฟ้าสถิตโดยเฉพาะ ด้วยวัสดุอย่างโพลีเอธีลีน (Polyethelene) ชั้นฟิล์มโลหะและ ชั้นเคลือบที่มีความสามารถในการต้านทานไฟฟ้า ถุง ESD จึงสามารถช่วยรับประกันความปลอดภัยและคุณภาพของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ภายในได้

ประเภทของถุง ESD

ถุง ESD มีให้เลือกใช้หลากหลายประเภท เช่น ถุง static-shielding, ถุงอะลูมิเนียมกันความชื้น, ถุง anti-static, และ ถุงแบบ Conductive โดยถุงแต่ละประเภทจะมีโครงสร้างวัสดุที่ต่างกัน แต่ก็ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องสินค้าภายในจากปฏิกิริยาไฟฟ้าสถิตทั้งนั้น ไม่ว่าจะด้วยการใช้วัสดุที่ต้านทานประจุได้ หรือวัสดุที่ทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันการสะสมของประจุ

1. ถุงแบบ Shielding

ถุงแบบ Shielding ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันชิ้นส่วนภายในจากสนามไฟฟ้าสถิตทั้งภายในและภายนอก โดยถุงประเภทนี้มีโครงสร้างหลายชั้นจาก วัสดุที่เป็นฟิล์มโลหะและวัสดุที่มีความสามารถในการต้านทานประจุ (dissipative) โครงสร้างแบบนี้จะสร้างพื้นที่ ที่เรียกว่า กรงฟาราเดย์ (Faraday Cage) ซึ่งสามารถป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิตทั้งจากตัวอุปกรณ์ภายในและจากสิ่งแวดล้อมภายนอกได้

ถุงแบบ Shielding จึงเหมาะกับการบรรจุชิ้นส่วน อย่าง ไมโครโปรเซสเซอร์ แผงวงจรควบคุม และชิ้นส่วนที่มีความเซ็นซิทีฟต่อไฟฟ้าสถิต

การใช้งาน: เหมาะสำหรับการบรรจุชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ที่ไวต่อ ESD

ราคา: สูง

รูปลักษณ์: พลาสติดผสมโลหะ มีความกึ่งโปร่งใส (semi-transparent)

วัสดุ: โดยทั่วไปประกอบด้วยอะลูมิเนียมที่ถูกอัดระหว่างชั้นโพลีเอสเตอร์และชั้นโพลีเอธีลีน

2. ถุง Moisture Barrier Bags

ถุง Moisture barrier สามารถป้องกันได้ทั้งปฏิกิริยาไฟฟ้าสถิตและความชื้น ที่อาจทำให้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เสียหาย โดยถุง Moisture barrier มักเป็นถุงอะลูมิเนียมบวกกับวัสดุป้องกันอื่น ๆ ที่สามารถป้องกันความชื้นไม่ให้เข้าไปในถุงได้

ถุง moisture barrier bag ที่สามารถป้องกันได้ทั้งความชื้นและไฟฟ้าสถิต เป็นตัวช่วยปกป้องชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในระหว่างการขนส่งและการจัดเก็บได้อย่างดี ความสามารถในการกันความชื้นยังช่วยให้มั่นใจได้ว่า ชิ้นส่วนภายในจะแห้ง เก็บไว้ได้นาน และใช้งานได้ดีอยู่เสมอ

การใช้งาน: ป้องกันการกัดกร่อนและความชื้น มักใช้ในการเก็บแบบแห้ง (Dry packaging) ที่มีการบรรจุถุงสารกันชื้นและตัววัดความชื้นเข้าไปด้วย ก่อนนำไปซีลแบบสุญญากาศ

ราคา: สูง

รูปลักษณ์: ทึบแสงด้วยชั้นฟิล์มที่ผสมโลหะ

วัสดุ: อะลูมิเนียมและวัสดุป้องกันอื่น ๆ

3. ถุง Antistatic

ถุงแบบ Antistatic bag ถูกออกแบบเพื่อป้องกันการสะสมของประจุไฟฟ้า ซึ่งมักทำจากโพลีเอธีลีน และมีชั้นเคลือบซึ่งมีความต้านทานไฟฟ้า (dissipative) ทำให้ประจุกระจายตัว และไม่สะสมอยู่บนพื้นผิวของถุง ซึ่งถึงถุงแบบ Antistatic จะไม่มีเกราะป้องกันสนามไฟฟ้า แต่ก็ยังสามารถใช้ในการเก็บชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในพื้นที่ที่เกิดสนามไฟฟ้าสถิตง่ายได้

ถุงแบบ Antistatic เหมาะกับชิ้นส่วนที่ไม่เซ็นซิทีฟมาก เช่น ฮาร์ดไดรฟ์ และ โมดูล RAM และเหมาะกับการเก็บที่มีการป้องกันไฟฟ้าสถิตวิธีอื่นร่มด้วย

การใช้งาน: เก็บชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่เซ็นซิทีฟ ในพื้นที่ EPA (Electrostatic Protected Area) หรือพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิตโดยเฉพาะ

ราคา: ค่อนข้างถูก

รูปลักษณ์: ใส หรือมีสี (เช่น ชมพู เขียว และน้ำเงิน)

วัสดุ: โพลีเอธีลีนชั้นเดียว หรือหลายชั้น

4. ถุง Conductive Bag

ถุงแบบ Conductive สามารถป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิตได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยพื้นผิวที่ปล่อยให้ประจุไฟฟ้าสามารถคลื่นไหวและกระจายตัวอย่างอิสระ ทำให้ประจุไม่เกิดการสะสมและไม่เกิดไฟฟ้าสถิต ด้วยวัสดุที่มีความสามารถในการนำไฟฟ้า อย่างพลาสติกผสมคาร์บอน 

ถุงแบบ Conductive เหมาะกับการบรรจุชิ้นส่วนที่มีความเซ็นซิทีฟสูงทั้งในขั้นตอนการขนส่งและจัดเก็บ เช่น ไมโครโปรเซสเซอร์ หรือ แผงควบคุมวงจร

การใช้งาน: เหมาะกับการบรรจุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความเซ็นซิทีฟสูง

ราคา: ปานกลาง

รูปลักษณ์: สีดำ

วัสดุ: โพลีเอธิลีนผสมคาร์บอน

เปรียบเทียบคุณสมบัติของถุง ESD แต่ละประเภท

ตารางด้านล่างนี้เป็นการสรุปคุณสมบัติโดดเด่นของถุง ESD ประเภทต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจความแตกต่างของถุง ESD แต่ละประเภทได้มากขึ้น

Featureถุงแบบ Shielding ถุง Moisture Barrier Bagถุงแบบ Antistatic ถุงแบบ Conductive 
คุณสมบัติการป้องกันไฟฟ้าสถิตมีเกราะป้องกันสนามไฟฟ้าสถิตจากภายนอกป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิตและความชื้นป้องกันการรวมตัวของประจุไฟฟ้าบนพื้นผิวของถุงพื้นผิวทำให้ประจุไฟฟ้ากระจายตัวโดยไม่เกิดการสะสม
วัสดุโครงสร้างวัสดุหลายชั้น ประกอบด้วยโลหะและวัสดุที่มีความต้านทานไฟฟ้า (dissipative)ชั้นโลหะและวัสดุป้องกันอื่น ๆโพลีเอธีลีน และชั้นเคลือบวัสดุที่เป็นตัวนำไฟฟ้า เช่น พลาสติกผสมคาร์บอน
ตัวอย่างสินค้าไมโครโปรเซสเซอร์ หรือ แผงควบคุมวงจรSemiconductor หรือ Chipฮาร์ดไดร์ฟ หรือ RAMไมโครโปรเซสเซอร์, PCB หรือ ชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่มีความเซ็นซิทีฟ
คุณสมบัติเพิ่มเติมให้การปกป้องเหมือนกรงฟาราเดย์ ป้องกันการเกิดสนามไฟฟ้าสถิตทั้งภายในและจากภายนอกป้องกันความชื้นกระจายประจุไฟฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมกระจายประจุไฟฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสะสม

ประโยชน์ของการใช้ถุง ESD 

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อาจสูญเสียฟังก์ชัน และมีอายุการใช้งานที่สั้นเนื่องจากปฏิกิริยาไฟฟ้าสถิต ถุง ESD จึงถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของต่ออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นดังนี้

1. ป้องกันความเสียหายจากไฟฟ้าสถิต

ถุง ESD คือถุงที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันเกิดปฏิกิริยาไฟฟ้าสถิต ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่า อุปกรณ์ที่อยู่ภายในยังจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และไม่สูญเสียฟังก์ชันตลอดอายุการใช้งานของมัน

2. ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน

ถุง ESD บางประเภท เช่น ถุงแบบ Shielding และถุง moisture barrier bag สามารถป้องกันสินค้าภายในจากสนามไฟฟ้าสถิตภายนอกได้ เพื่อรับประกันความปลอดภัยของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างการจัดเก็บและการขนส่ง

3. ช่วยให้สินค้าปลอดภัย และเก็บได้นาน

ถุง ESD ทำจากวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อการถูกเจาะและการฉีกขาด ซึ่งจะช่วยปกป้องสินค้าในระหว่างขั้นตอนการขนส่งและการจัดเก็บ รวมถึง ตัวถุงยังมีอายุการใช้งานที่นานอีกด้วย

4. ป้องกันความชื้น

ถุง Moisture barrier bag ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไฟฟ้าสถิต แต่ยังสามารถป้องกัน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากความชื้นได้ด้วย คุณสมบัติการป้องกันแบบสองต่อของถุง Moisture barrier bag จะให้สินค้าถูกเก็บในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือพื้นที่ที่มักเกิดไฟฟ้าสถิตได้อย่างปลอดภัย

5. การใช้งานที่หลากหลาย

ถุง ESD มีให้เลือกใช้หลากหลายขนาดและหลายประเภท ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าสินค้าของคุณจะเป็นชิ้นส่วนที่มีความเซ็นซิทีฟอย่าง ไมโครโปเซสเซอร์ หรือ ชิ้นส่วนที่ไม่เซ็นซิทีฟมาก อย่าง ฮาร์ดไดรฟ์ ถุง ESD ก็ถือเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ได้อย่างดี

วิธีเลือกถุง ESD ให้เหมาะกับสินค้า

ถุง ESD มีให้เลือกใช้อยู่หลายประเภท โดยแต่ละประเภทย่อมมีคุณสมบบัติที่แตกต่าง และเหมาะกับการใช้งานที่ต่างกัน ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในการเลือกถุง ESD มีดังนี้

การปกป้อง

  • อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีความเซ็นซิทีฟมากน้อยแค่ไหน?

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไวต่อปฏิกิริยาไฟฟ้าสถิต ควรถูกบรรจุในถุง ESD ประเภท static-shielding หรือ conductive เพื่อการป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิต

  • อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ จะถูกเก็บในที่ชื้นหรือไม่?

ถุง moisture barrier bag เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการเก็บสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในที่ชื้น

สินค้าที่บรรจุ

  • อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความไวต่อไฟฟ้าสถิต เช่น ไมโครโปรเซสเซอร์ หรือ PCB

ถุงแบบ static shielding และ ถุง conductive ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับอุปกรณ์ที่มีความเซ็นซิทีฟสูง

  • อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไม่ไวต่อไฟฟ้าสถิต เช่น ฮาร์ดไดรฟ์ หรือ RAM

อุปกรณ์ที่มีความเซ็นซิทีฟต่ำ สามารถถูกจัดเก็บได้อย่างปลอดภัยในถุงแบบ antistatic ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันการสะสมของประจุไฟฟ้า

งบประมาณ

  • ตัวเลือกที่คุ้มค่า มีราคาประหยัด

ถุง antistatic มักมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับถุง ESD ประเภทอื่น และสามารถซื้อได้ในจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า และเหมาะสมชิ้นส่วนที่ไม่เซ็นซิทีฟต่อไฟฟ้าสถิตมากนัก

  • ตัวเลือกที่ให้การป้องกันสูงสุด 

ตัวเลือกอย่างถุง static shielding และ ถุง conductive สามารถปกป้องชิ้นส่วนที่มีความเซ็นซิทีฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาวในด้านการซ่อมแซมได้

สภาพแวดล้อมระหว่างการขนส่ง และการจัดเก็บ

  • พื้นที่ที่มีความชื้นสูง

ถุง moisture barrier bag ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง ช่วยปกป้องสินค้าจากความชื้นและไฟฟ้าสถิต

  • เงื่อนไขในการขนส่งและจัดเก็บ

ถุง ESD มีความแข็งแรง ทนทานต่อการเจาะและแรงดึง ซึ่งสามารถป้องกันสินค้าในระหว่างการขนส่งที่ไม่นุ่มนวลได้ 

ปัจจัยเหล่านี้ ถือเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกถุง ESD ที่ตอบโจทย์ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของคุณจะปลอดภัยจากไฟฟ้าสถิต และสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเมื่อถึงมือผู้บริโภค

การันตีความปลอดภัยให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ด้วยถุง ESD จาก Flexipack 

ท่านใดที่ยังมีความสงสัยในเรื่องของการจัดเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้ปลอดภัย หรือ ยังไม่แน่ใจว่าถุง ESD ประเภทไหนจะเหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด ให้ Flexipack ช่วยหาคำตอบให้กับคุณ 

ที่ Flexipack เราเข้าใจถึงความต้องการที่แตกต่างในทุกธุรกิจ และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้คุณได้ Packaging Solution ที่เหมาะสมที่สุดกับธุรกิจของคุณ 

ติดต่อเราวันนี้ เพื่อขอคำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และให้ Flexipack ช่วยการันตีความปลอดภัยให้สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของคุณ