ยุคนี้นับว่าเป็นการแข่งขันธุรกิจอย่างดุเดือด ทั้งธุรกิจหน้าเก่าและหน้าใหม่ ต้องหาทางสร้างสรรค์สินค้าและบริการให้โดดเด่นไม่ซ้ำใคร หรือเรียกความสนใจทำให้เกิดการกระแสและสร้างยอดขายได้ สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของแบรนด์ แต่ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร ควรศึกษาอะไรบ้าง สิ่งหนึ่งที่ต้องเตรียมก่อนคือความตั้งใจ เมื่อตั้งใจแล้วก็ตามอ่านพร้อมๆ กันได้เลย
รวมกลยุทธ์สำหรับเจ้าของแบรนด์หน้าใหม่ที่อยากธุรกิจ
1. ค้นหาสินค้าที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
ในการทำธุรกิจที่เกี่ยวกับสินค้าจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องรู้ว่าจะขายอะไรก่อน จะเป็นสินค้าที่ผลิตเองหรือไม่ เป็นสินค้านำเข้ามาขายหรือเปล่า และเรามีความรู้เกี่ยวกับสินค้าที่จะขายมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าหากไม่มีความรู้หรือไม่เชี่ยวชาญในแวดวงธุรกิจสินค้าของคุณ อาจทำให้ทิศทางธุรกิจของคุณไปผิดที่ผิดทางได้ ดังนั้นการค้นหาสินค้าที่จะขาย และเรารักในสินค้าที่จะขายนับว่าเป็นอะไรที่ดีที่สุดในการทำธุรกิจ และเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของแบรนด์ต้องคำนึงอยู่เสมอ
2. ศึกษาตลาด กลุ่มเป้าหมายและคู่แข่งให้ถี่ถ้วน
เมื่อเราได้รู้ว่าจะขายสินค้าอะไรแล้ว การศึกษาตลาด กลุ่มเป้าหมาย และคู่แข่งนับเป็นอะไรที่สำคัญเป็นอย่างมาก ก่อนอื่นต้องมั่นใจว่าสินค้าของเราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างไร สินค้าจะขายให้กับใคร สิ่งเหล่านี้ถ้าหากมีความรู้มากเท่าไหร่ ก็จะลดความเสี่ยงในการไม่ประสบความสำเร็จได้ ทั้งนี้การศึกษาคู่แข่งก็เป็นเรื่องสำคัญ สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรทำคือขายตัดราคา แต่สิ่งที่ควรทำเจ้าของแบรนด์ควรยกระดับของสินค้ามากกว่า และการศึกษาคู่แข่งในกรณีที่เขาทำผิดพลาด ก็นำมาใช้เป็นบทเรียนเพื่อเราจะได้ไม่ทำแบบนั้นด้วย
3. วาง Concept และ Story ให้แบรนด์ของคุณ
การจะทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำ คือการกำหนด Concept สินค้าว่าจะเป็นแบบไหนเกี่ยวกับอะไร และสามารถสร้าง Story ให้กับแบรนด์ว่ามีความเป็นมาที่น่าสนใจอย่างไร หรืออาจนำแนวคิดที่บ่งบอกเกี่ยวกับแบรนด์มาสร้างเป็น Story เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้า และถ้าวางตรงนี้ดีในอนาคตสินค้าจะไม่ใช่แค่สินค้า แต่สินค้าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้ซื้อ หรือเกิดการสร้างแฟนคลับของแบรนด์ขึ้นมานั่นเอง
4. เลือกช่องทางการทำตลาดและจัดจำหน่ายสินค้า
ในส่วนต่อมาต้องคิดก่อนเลยว่าช่องทางการทำตลาดจะขายที่ไหนบ้าง โดยหลักๆ แล้วส่วนใหญ่ก็จะขายหน้าร้าน หรือขายตามสื่อโซเชียลต่างๆ แต่การทำตลาดที่ดีที่สุด คือ การกระจายข้อมูลข่าวสารของแบรนด์ให้มากที่สุด และมีช่องทางที่จัดจำหน่ายสินค้าได้รวดเร็วทันใจ สิ่งนี้ต้องคิดไว้เลย
5. บริหารงบประมาณต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้เป็น
เมื่อได้มีการวางแผนคร่าวๆ แล้ว ว่าจะขายอะไร ในแต่ละส่วนจำเป็นที่จะต้องเสียเงินเท่าไหร่ งานนี้ก็จำเป็นที่จะต้องคำนวณต้นทุน ค่าใช้จ่าย ค่าภาษีให้เป็น แนะนำว่าให้นำ 3 อย่างนี้มาคิดก่อน จากนั้นค่อยบวกราคาสินค้าในส่วนของกำไรเพิ่มเติม
6. มองหาโรงงานและ Partner ทางธุรกิจที่ใช่
เมื่อเราได้พัฒนาสินค้าในระดับหนึ่งด้วยตัวเอง และจำเป็นที่จะต้องขยายการผลิตการมองหาโรงงานหรือ Partner มาทำธุรกิจนับเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งการเลือกก็ควรเลือกโรงงานหรือ Partner ที่มีความรู้เกี่ยวกับสินค้าที่เจ้าของแบรนด์สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองต่อกลุ่มมาเป้าหมายอยู่เสมอ
7. ให้ความสำคัญในการออกบรรจุภัณฑ์และฉลากสินค้า
การที่จะเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้ ซึ่งแรกที่ดีที่สุดคือการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยสร้างความดึงดูด น่าสนใจ และที่สำคัญยังสามารถบ่งบอกเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี และควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะกับสินค้านั้น ๆ เพื่อลดความเสียหายขณะจัดส่ง หรือขายให้ลูกค้าโดยตรง
3 ข้อควรระวังสำหรับเจ้าของแบรนด์มือใหม่
การสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบ โดย 3 ข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของแบรนด์ทุกรายควรระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจกระทบต่อธุรกิจในระยะยาว
1. ไม่เข้าใจตลาดและตั้งราคาผิดพลาด
หากไม่ศึกษาความต้องการของลูกค้าและการแข่งขันในตลาดอาจทำให้สินค้าขายไม่ได้ นอกจากนี้ การตั้งราคาสูงเกินไปอาจทำให้ลูกค้าลังเล ในขณะที่ราคาต่ำเกินไปอาจทำให้ขาดทุน ก่อนสร้างแบรนด์ เจ้าของแบรนด์จึงควรคำนวณต้นทุน ศึกษาตลาด และกำหนดราคาที่เหมาะสม
2. ละเลยคุณภาพสินค้าและบริการ
สินค้าคุณภาพต่ำหรือบริการที่ไม่ประทับใจอาจทำให้ลูกค้าไม่กลับมาซื้อซ้ำ เจ้าของแบรนด์จึงควรให้ความสำคัญกับมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ และใส่ใจในทุกขั้นตอนตั้งแต่การรับออร์เดอร์ การจัดส่งและบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจให้แบรนด์ในระยะยาว
3. ไม่มีกลยุทธ์การตลาดและไม่สร้างจุดขายที่ชัดเจน
แค่มีสินค้าที่ดีอาจจะไม่เพียงพอ เจ้าของแบรนด์ยังควรใส่ใจในการวางแผนการตลาดที่เหมาะสมด้วย เช่น การใช้โซเชียลมีเดีย การทำโฆษณา และการสร้างคอนเทนต์ให้ดึงดูดลูกค้า รวมถึงการกำหนดเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้ยูนีคและโดดเด่นกว่าคู่แข่งเพื่อให้เป็นที่จดจำในตลาด
หากสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้ได้ ธุรกิจของคุณจะมีโอกาสเติบโตได้อย่างมั่นคงและประสบความสำเร็จในระยะยาว
การสร้างแบรนด์ของตัวเอง ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
การสร้างแบรนด์ของตนเองมีค่าใช้จ่ายหลายด้านที่ควรพิจารณา ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละผลิตภัณฑ์ ทำให้ไม่สามารถระบุตัวเลขที่แน่นอนได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าของแบรนด์มือใหม่ทุกคน ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้:
- ค่าต้นทุนผลิตภัณฑ์ – การผลิตสินค้าในปริมาณน้อยอาจทำให้ต้องจ่ายค่าวัตถุดิบในราคาที่สูงขึ้น จึงอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่สูง
- ค่าพัฒนาผลิตภัณฑ์ – เจ้าของแบรนด์อาจต้องลงทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าที่ขาย
- ค่าบรรจุภัณฑ์ – บรรจุภัณฑ์มีความสำคัญต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยเจ้าของแบรนด์ควรหาความสมดุลระหว่างดีไซน์ที่สวยงาม ความสะดวกในการใช้ และต้นทุนที่เหมาะสม
- ค่าออกแบบ – การออกแบบโลโก้และฉลากบรรจุภัณฑ์ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะอยู่กับแบรนด์เป็นเวลานาน
- ค่าจดแจ้งสินค้า – เจ้าของแบรนด์ไม่ควรละเลยการจดทะเบียนสินค้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย
- ค่าการตลาด – เช่น การถ่ายภาพสินค้า การสร้างคอนเทนต์ และการโฆษณาทั้งออนไลน์และออฟไลน์เพื่อให้ผู้คนรู้จักแบรนด์
การคำนวณค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของแบรนด์สามารถวางแผนและเตรียมความพร้อมในการสร้างแบรนด์ที่มีความยั่งยืนและประสบความสำเร็จในระยะยาว
การเป็นเจ้าของแบรนด์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะทุกๆ คนสามารถเป็นเจ้าของแบรนด์ได้ เพียงแค่เตรียมตัวให้พร้อม และพรีเซนต์ความเป็นแบรนด์ของเราให้มากที่สุด และบรรจุภัณฑ์สินค้าจะต้องโดดเด่น ทำให้คนหยุดมอง และเลือกซื้อได้ ดังนั้นทาง Flexipack ขอให้ทุกคนมาลอง ผลิตบรรจุภัณฑ์ กับทางเรา ซึ่งทางเราพร้อมเป็นที่ปรึกษาตั้งแต่แรกเริ่มจนจบกระบวนการอย่างเต็มที่