Skip links

ประเภทของฟิล์มกันรอยขีดข่วน (Protective film) และวิธีเลือกใช้ให้เหมาะสม

ฟิล์มกันรอยขีดข่วน หรือ เทปป้องกันรอย คือ องค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยปกป้องพื้นผิวของสินค้าของคุณไม่ให้เกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวที่เพิ่งเคลือบสี พื้นผิวมีความบอบบาง หรือ แม้แต่ชิ้นส่วนในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องเจอกับการเสียดสีบ่อย ๆ ฟิล์มกันรอยขีดข่วนก็สามารถป้องกันไม่ให้สินค้าเหล่านี้เกิดรอยยุบ รอยข่วน และคงสภาพดีอยู่เสมอได้

ในบทความนี้ Flexipack จะพาคุณไปเรียนรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของฟิล์มกันรอยขีดข่วนประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เทปป้องกันรอยสำหรับปกป้องพื้นผิว หรือฟิล์มกันรอยสำหรับป้องกันผิวเคลือบสี รวมถึงแนะนำวิธีการเลือกใช้ฟิล์มกันรอยขีดข่วนให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณด้วย

ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของบ้าน ผู้รับเหมา หรือเจ้าของธุรกิจ Flexipack ก็หวังว่า บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างของฟิล์มกันรอยขีดข่วนแต่ละประเภทมากขึ้น และเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมได้

ฟิล์มกันรอยขีดข่วน คืออะไร?

ฟิล์มกันรอยขีดข่วน (Protection film) หรือ เทปป้องกันรอย คือ วัสดุถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องสินค้าในช่วงเวลาระหว่างการขนส่ง การจัดเก็บ และการใช้งาน โดยฟิล์มกันรอยขีดข่วนมักทำจากโพลีเมอร์พลาสติกที่มีความยืดหยุ่น ซึ่งจะทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันไม่ให้สินค้าเกิดเป็นรอยขีดข่วน หรือรอยถลอกเสียหาย

ฟิล์มกันรอยขีดข่วน ถือเป็นบรรจุภัณฑ์ตัวหนึ่ง ที่มีความจำเป็นในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องบิน อิเล็กทรอนิกส์ หรืออุตสาหกรรมก่อสร้าง เนื่องจากมันจะเป็นตัวช่วยรักษาพื้นผิวของสินค้าให้ปราศจากร่องรอยต่าง ๆ ได้

ฟิล์มกันรอยขีดข่วน ทำมาจากอะไร?

ฟิล์มกันรอยขีดข่วน ทำมาจากวัสดุพลาสติกที่มีความทนทานสูง อย่างเช่น LDPE (low-density polyethylene), PVC (polyvinyl chloride), PP (polypropylene) หรือ Polyolefin โดยวัสดุเหล่านี้จะมีเนื้อที่โปร่งใส มีน้ำหนักเบา และให้การปกป้องได้ดี ทำให้มั่นใจได้ว่า พื้นผิวของสินค้าที่ถูกห่อหุ้มจะไม่เกิดรอยขีดข่วน และยังคงความสวยงามอยู่เสมอ

โดยองค์ประกอบของฟิล์มกันรอยขีดข่วนแต่ละประเภทก็ย่อมมีความหลากหลาย เพื่อให้ตอบโจทย์ลักษณะการใช้งานที่ต่างกัน เช่น ฟิล์มกันรอยที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะใช้งานกับพื้นผิวที่มีความอ่อนตัว ในขณะที่ฟิล์มที่มีความยืดหยุ่นไม่มากนัก เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง 

นอกจากนี้ ฟิล์มกันรอยขีดข่วนยังสามารถถูกผลิตให้มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น คุณสมบัติกันสารเคมี รังสียูวี หรือคุณสมบัติสมานตัว (Self-healing) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานในสภาพแวลดล้อมต่าง ๆ ให้มากขึ้น 

ประเภทของฟิล์มกันรอยขีดข่วน

ฟิล์มหรือเทปกันรอยขีดข่วน มีอยู่หลายรูปแบบ และหลายประเภทให้เลือกใช้ โดยแต่ละชนิดจะถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับการใช้งานในลักษณะที่ต่างกัน 

1. เทปป้องกันพื้นผิว (Surface protection film)

เทปป้องกันพื้นผิว คือ แผ่นฟิล์มคุณภาพสูงที่ออกแบบมาสำหรับปกป้องพื้นผิวของสินค้าที่ความบอบบางโดยเฉพาะ ทั้งในขั้นตอนการผลิต การขนส่ง และการใช้งาน เทปป้องกันพื้นผิวสามารถติดตั้งได้ง่าย และยังลอกออกจากตัวสินค้าได้โดยไม่ทิ้งคราบหรือรอยใด ๆ  นอกจากนี้ ตัวเทปยังช่วยให้พื้นผิวของสินค้าดูเงางาม และเรียบเนียนด้วย

องค์ประกอบวัสดุ:

  • LDPE (Low-Density Polyethylene): ให้ความยืดหยุ่น และมีน้ำหนักเบา
  • PVC (Polyvinyl Chloride): ให้ความยืดหยุ่น และพื้นผิวที่เงางาม

ตัวอย่างการใช้งาน:

  • กระจก: ปกป้องหน้าต่างและประตูกระจกจากรอยขีดข่วนหรือสิ่งสกปรกระหว่างการก่อสร้าง
  • พื้นผิวพลาสติกและโลหะ: ใช้ในการผลิตเพื่อปกป้องพื้นผิวจากการขีดข่วนและรอยถลอก
  • หิน อิฐ และหินอ่อน: ปกป้องไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนระหว่างการขนส่งและติดตั้ง

การใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ :

  • อุตสาหกรรมก่อสร้าง: ปกป้องหน้าต่าง เคาน์เตอร์ และชิ้นส่วนต่าง ๆ ระหว่างการก่อสร้างหรือการปรับปรุงโครงการ
  • ภาคการผลิต: ปกป้องชิ้นส่วนโลหะและพลาสติกจากรอยขีดข่วนและการกระแทกระหว่างการขนส่งและติดตั้ง
  • ธุรกิจค้าปลีก: ปกป้องสินค้าที่จัดแสดง เช่น หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ หรือพื้นผิวที่มีการขัดเงา ให้คงอยู่ในสภาพสวยงามจนถึงมือผู้บริโภค

2. ฟิล์มกันรอยสำหรับพื้นผิวเคลือบสี (Paint Protection Film)

ฟิล์มกันรอยขีดข่วนสำหรับพื้นผิวเคลือบสี หรือ PPF (paint protection film) ถูกออกแบบมาเพื่อการปกป้องที่มากขึ้นด้วยวัสดุโพลีเมอร์อีลาสโตเมอร์ (Elastomer) วัสดุตัวนี้มีความยืดหยุ่นสูงและมีคุณสมบัติการสมานตัว (Self-healing) ที่ทำให้ฟิล์มสามารถคืนรูปเดิมได้หลังจากเกิดการขีดข่วนหรือแรกกระแทกเล็ก ๆ น้อย ๆ 

องค์ประกอบวัสดุ:

  • โพลีเมอร์อีลาสโตเมอร์ (Elastomeric Polymers): มีความยืดหยุ่นสูงและมีคุณสมบัติ Self-healing

ตัวอย่างการใช้งาน:

  • อะไหล่ยานยนต์: ปกป้องพื้นผิวของชิ้นส่วนภายนอกตัวรถ เช่น กันชน ฝากระโปรง และขอบประตู จากเศษหิน ดิน หรือสิ่งเร้าต่าง ๆ ในสภาพแวดล้อม 
  • สินค้าอิเล็กทรอนิกส์: ปกป้องหน้าจอมือถือ หรืออุปกรณ์อื่นๆ จากการขีดข่วนและแรงกระแทก
  • ชิ้นส่วนของเครื่องบิน: ปกป้องพื้นผิวเครื่องบินจากเศษฝุ่นและสิ่งเร้าต่าง ๆ ในสภาพแวดล้อม

การใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ:

  • อุตสาหกรรมยานยนต์: ฟิล์ม PPF ช่วยปกป้องสีรถจากการขีดข่วนของเศษหิน หรือการเสียดสีบนท้องถนน 
  • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์: ฟิล์ม PPF ช่วยป้องกันหน้าจอสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อป จากรอยขีดข่วน เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน
  • อุตสาหกรรมการบิน: ฟิล์ม PPF ช่วยป้องกันลำตัวและพื้นผิวภายนอกของเครื่องบินจากการขีดข่วนหรือความเสียหายที่มากับสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตร

ฟิล์ม PPF และเทปป้องกันพื้นผิว ถือเป็นฟิล์มกันรอย 2 ประเภทที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุด แต่นอกจาก 2 ปรเภทนี้แล้ว ในท้องตลาดก็ยังมีฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนชนิดพิเศษ ออกแบบเพื่อการใช้งาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นด้วย 

3. ฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วน ชนิดพิเศษ

ฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วน ชนิดพิเศษ ถูกออกแบบมาเพื่อสินค้าที่ต้องการการดูแลที่เฉพาะเจาะจง โดยฟิล์มชนิดนี้จะมีการเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ เช่น คุณสมบัติการทนทานต่อความร้อน การป้องกันรังสียูวี หรือความทนทานต่อสารเคมี 

ฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วน ชนิดพิเศษ มักทำจาก โพลีโพรพิลีน (polypropylene, PP) และ โพลีโอเลฟิน (Polyolefin) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความทนทานสูง ใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เช่น โพลีโพรพิลีนสามารถทนความร้อนได้ดี เหมาะสำหรับการใช้งานในภาคการผลิตและการบรรจุ ในขณะที่ โพลีโอเลฟิน เหมาะกับการห่อหุ้มพื้นผิวที่เป็นกระจก หรือโลหะเคลือบสี

ตัวอย่างการใช้งาน:

  • อุปกรณ์ทางการแพทย์: ปกป้องเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์การขีดข่วนเสียหาย
  • ยุทโธปกรณ์: ปกป้องอุปกรณ์ทางการทหารจากความเสียหายจากสภาพแวดล้อมและการใช้งาน
  • เครื่องจักรในภาคอุตสาหกรรม: ป้องกันชิ้นส่วนของเครื่องจักรระหว่างการขนส่งและการใช้งาน

การใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ:

  • อุตสาหกรรมการแพทย์: ปกป้องอุปกรณ์ทางการแพทย์จากความเสียหาย เพื่อรักษาประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน
  • การทหาร: ปกป้องอุปกรณ์ทางทหารจากสภาวะแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ยืดอายุการใช้งานของอาวุธและยานพาหนะ
  • อุตสาหกรรมทั่วไป: ใช้ในภาคอุตสาหกรรมเพื่อปกป้องเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ จากฝุ่น สารเคมี และการเสียดสีหรือขีดข่วน

4. ฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วน แบบชั่วคราว

ฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนแบบชั่วคราว ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระยะสั้น มักถูกใช้เพื่อปกป้องพื้นผิวต่าง ๆ ในอาคาร ระหว่างการก่อสร้างหรือปรับปรุงโครงสร้าง ฟิล์มประเภทนี้สามารถติดตั้งได้ง่าย และแกะออกได้โดยไม่ทิ้งคราบ ซึ่งเพิ่มความสะดวกสำหรับการใช้งานแบบชั่วคราว

องค์ประกอบวัสดุ:

  • กระดาษ: ป้องกันรอยขีดข่วนที่เกิดจากการเสียดสี หรือแรงกระแทกเล็ก ๆ น้อย ๆ
  • โพลีเอธีลีน (Polyethylene, PE): มีราคาถูก ใช้ง่าย ทำให้ได้รับความนิยมสูง 

ตัวอย่างการใช้งาน:

  • งานก่อสร้าง: ปกป้องพื้นทางเดิน หน้าต่าง และข้าวของต่าง ๆ จาก สี ฝุ่น และการขีดข่วนระหว่างงานก่อสร้าง
  • งานอีเว้นท์หรือกิจกรรม: ปกปิดพื้นผิวต่าง ๆ ชั่วคราว เพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการติดตั้งพื้นที่และการรื้อถอน

การใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ:

  • อุตสาหกรรมก่อสร้าง: ผู้รับเหมามักใช้ฟิล์มป้องกันชั่วคราวปกปิดพื้นทางเดินและหน้าต่าง เพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการปรับปรุงอาคาร 
  • ธุรกิจการจัดงานอีเว้นท์: ผู้จัดงานมักใช้ฟิล์มป้องกันชั่วคราว เพื่อปกป้องพื้นและเวทีเกิดความเสียหายระหว่างการจัดงานกิจกรรมหรือนิทรรศการ

 

คุณสมบัติของฟิล์มกันรอยขีดข่วน

ฟิล์ม หรือ เทปกันรอยขีดข่วนเป็นตัวช่วยในการปกป้องพื้นผิวของสินค้า โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นของฟิล์มกันรอยขีดข่วน มีดังต่อไปนี้

1. ความแข็งแรง ทนทาน

ฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องสินค้าไม่ให้เกิดรอยขูดขีดหรือรอยถลอก โดยโครงสร้างของวัสดุจะมีอายุการใช้งานที่นาน และมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมการใช้งานที่อาจไม่เป็นมิตร

ตัวอย่าง เช่น ฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วน 3M Scotchgard ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ช่วยปกป้องสีของรถยนต์ของเศษหิน ดิน ฝุ่น และ การเสียดสีหรือแรงกระแทกเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างการขับขี่ ซึ่งช่วยให้ภายนอกของตัวรถดูสง่างามอยู่เสมอ

2. ความโปร่งใส

ฟิล์มกันรอยขีดข่วนส่วนใหญ่จะมีเนื้อที่ใส สามารถปกป้องสินค้าได้โดยไม่ปิดบังสินค้า ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับสินค้าที่ต้องการโชว์รูปลักษณ์อย่างเต็มที่ เช่น ส่วนประกอบภายนอกของรถยนต์ หรือชิ้นส่วนอย่าง หน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดเป็นรอยได้ง่าย โดยความโปร่งใสของฟิล์มจะยังทำให้มองเห็นหน้าจอได้ชัดและให้การสัมผัส หรือ Touch sensitivity ที่ดีอยู่

3. ความยืดหยุ่น

วัสดุอย่าง อีลาสโตเมอร์ มีความยืดหยุ่นสูง สามารถอ่อนตัวได้ตามรูปร่างและพื้นผิวของสินค้า ซึ่งเหมาะกับสินค้ารูปร่างพิเศษที่ต้องการการปกป้องอย่างทั่วถึง 

ผู้ผลิตรถสปอร์ตและมอเตอร์ไซค์ เช่น เฟอรารี่ หรือ ดูคาติ นิยมใช้ฟิล์มอีลาสโตเมอร์เพื่อป้องกันการขีดข่วนรอบตัวยานพาหนะ ซึ่งย่อมให้การปกป้องที่ดีโดยที่ไม่บดบังดีไซน์ที่สวยงามของตัวรถ

4. คุณสมบัติ Self-Healing 

ฟิล์มกันรอยขีดข่วนชนิดพิเศษ เช่นน ฟิล์ม PPF จะมีคุณสมบัติการสมานตัว หรือ Self-healing ซึ่งทำให้ตัวฟิล์ม หรือเทปสามารถคงพื้นผิวที่เรียบลื่นได้หากต้องเจอกับการขีดข่วนหรือเสียดสีที่ไม่รุนแรง

5. การป้องกันรังสียูวี

รังสียูวีอาจทำให้พื้นผิวของสินค้าบางประเภทมีสีซีดจางหรือเกิดความเสียหาย ฟิล์มกันรอยขีดข่วนที่มีคุณสมบัติการป้องกันยูวี จึงถือเป็นตัวเลือกที่มีประโยชน์กับสินค้าที่ต้องเจอกับแสงแดดเป็นประจำ เช่น รถยนต์ หรือเครื่องบิน

6. การป้องกันสารเคมี

ฟิล์มกันรอยขีดข่วน สามารถช่วยปกป้องสินค้าจากสารเคมีและสารปนเปื้อนต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับสินค้าที่อาจจะถูกจัดเก็บในหรือใช้งานในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสารเคมีหรือสิ่งสกปรก เช่น สินค้าประเภทเครื่องมือแพทย์ หรืออาวุธยุทโธปกรณ์

อุตสาหกรรมทางการแพทย์ มักใช้ฟิล์มกันรอยขีดข่วน เพื่อปกป้องเครื่องมือแพทย์จากสารทำความสะอาดมีฤทธิ์รุนแรงและสารคัดหลั่งจากร่างกายมนุษย์ เพื่อให้มั่นใจว่า เครื่องมือและอุปกรณ์นั้น ๆ จะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยตลอดอายุการใช้งาน

7. ติดตั้งและแกะออกง่าย

ฟิล์มกันรอยขีดข่วนคุณภาพสูงจะถูกออกแบบมาให้ติดตั้งและลอกออกได้ง่ายโดยไม่ทิ้งคราบกาวหรือรอยไว้บนพื้นผิวของสินค้า ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานแบบชั่วคราว เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้างมักใช้ฟิล์มกันรอย 3M เพื่อปกป้องพื้นทางเดิน หน้าต่าง และพื้นผิวต่าง ๆ ในระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างอาคาร 

8. ความสามารถในการปรับแต่ง (Customizability )

ฟิล์มกันรอยขีดข่วน สามารถถูกปรับแต่งให้เข้ากับรูปร่างของสินค้าและลักษณะการใช้งานได้โดยไม่สูญเสียความสามารถในการปกป้อง คุณสมบัติข้อนี้ ทำให้ฟิล์มหรือเทปกันรอยมีประโยชน์กับอุปกรณ์หรืออะไหล่ในภาคอุตสาหกรรมซึ่งมักมีขนาดและรูปร่างที่หลากหลาย 

9. น้ำหนักเบา

ฟิล์มกันรอยขีดข่วน มีความแข็งแรงทนทานสูง แต่ก็มีน้ำหนักที่เบา ทำให้สามารถปกป้องสินค้าได้ดีโดยไม่เพิ่มน้ำหนักให้ตัวสินค้า ซึ่งเป็นคุณสมบัติมีประโยชน์ต่อการใช้งานในอุตสาหกรรมที่ความแม่นยำของน้ำหนักเป็นเรื่องสำคัญ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ หรืออุตสาหกรรมการบิน

วิธีเลือกฟิล์มกันรอยขีดข่วนให้เหมาะสม

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า ฟิล์มหรือเทปกันรอยขีดข่วนนั้น มีอยู่หลากหลายประเภทให้เลือกใช้ โดยปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในการเลือกฟิล์มกันรอยขีดข่วนให้เหมาะสมกับความต้องการ มีดังนี้:

  • ประเภทของพื้นผิว: ประเภทพื้นผิวของสินค้า (เช่น โลหะ, พลาสติก, กระจก หรือ พื้นผิวที่มีการเคลือบสี) เป็นปัจจัยสำคัญที่ควรต้องคำนึงถึงก่อนตัดสินใจเลือกชนิดของฟิล์มกันรอยขีดข่วน เพราะพื้นผิวแต่ละประเภทย่อมต้องการฟิล์มที่มีคุณสมบัติต่างกันเพื่อการปกป้องที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • ลักษณะการใช้งาน: สภาพแวดล้อมย่อมมีผลต่อการเลือกชนิดของฟิล์มกันรอยขีดข่วน เราจึงควรมีการคำนึงก่อนเสมอว่า สินค้าจะต้องเจอกับสภาพแวดล้อมแบบไหนบ้าง เช่น อุณหภูมิที่สูง ความชื้น แสงแดด หรือสารเคมี เพื่อเลือกชนิดของฟิล์มที่จะสามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมนั้น ๆ ได้อย่างเหมาะสม
  • ระดับความทนทานที่ต้องการ: พื้นผิวที่ต้องเจอกับการเสียดสีหรือแรงกระแทกบ่อย ๆ เช่น ชิ้นส่วนภายนอกของรถยนต์ หรือ ชิ้นส่วนของเครื่องจักร ย่อมต้องการฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนที่มีความทนทานสูง ในการเลือกชนิดของฟิล์ม จึงควรมีการคำนึงถึงระดับความทนทานของตัวฟิล์มที่สินค้าต้องการก่อน
  • ความโปร่งใส และรูปลักษณ์: สำหรับสินค้าที่ต้องการโชว์รูปลักษณ์ อย่าง ส่วนประกอบภายนอกของรถยนต์ หรือพื้นผิวต้องการการมองเห็นและการสัมผัสที่ดี อย่าง หน้าจอมือถือ จะเหมาะกับฟิล์มกันรอยขีดข่วนประเภทเนื้อโปร่งใส ซึ่งให้การปกป้องที่ดีโดยไม่บดบังความสวยงามหรือรบกวนการใช้งาน
  • ระดับความยืดหยุ่น: สินค้าที่มีรูปร่างพิเศษ ย่อมต้องการฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนที่มีขนาดและรูปร่างพอดีเพื่อให้ห่อหุ้มตัวสินค้าได้อย่างมิดชิดโดยไม่มีรอยย่นหรือช่องอากาศ ฟิล์มที่เหมาะสมจึงควรเป็นฟิล์มที่มีความยืดหยุ่นสูง เช่น ฟิล์มอีลาสโตเมอร์ 
  • คุณสมบัติ Self-healing: สินค้าที่ต้องเจอกับแรงกระแทก หรือการเสียดสีบ่อย ๆ ควรถูกห่อหุ้มด้วยฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนที่มีคุณสมบัติ Self-healing 
  • คุณสมบัติการป้องกันรังสียูวี และสารเคมี:  ฟิล์มที่เหมาะสมกับสินค้าในอุตสาหกรรมการแพทย์ ยานยนต์ และการบิน ควรมีคุณสมบัติในการป้องกันแสงยูวี และสารเคมี เพื่อการปกป้องที่มีประสิทธิภาพสูงสุด 
  • อายุการใช้งานและการรับประกัน: เลือกฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนที่มีอายุการใช้งานยาวนาน และมีการรับประกันคุณภาพ เพื่อให้มั่นใจว่า สินค้าของคุณจะได้รับการปกป้องสูงสุด ตัวอย่างเช่น ฟิล์มกันรอยขีดข่วนของ Pregis ซึ่งมาพร้อมกับประกันคุณภาพที่ครอบคลุมมากถึง 10 ปี 
  • ราคาและงบประมาณ: ฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนที่มีคุณภาพสูง อาจมีราคาเริ่มต้นที่แพง แต่มักให้การปกป้องที่เหนือชั้นและอายุการใช้งานที่นาน  ซึ่งจะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้
  • ความสามารถในการปรับแต่ง : หากสินค้าของคุณมีรูปร่างและขนาดที่หลากหลาย ควรเลือกฟิล์มกันรอยขีดข่วนที่สามารถปรับแต่ง หรือ custom-fit ตามรูปร่างของสินค้าได้ เพื่อให้มั่นใจว่า ทุกส่วนของสินค้าจะได้รับการปกป้องที่ดีเยี่ยม

ตารางด้านล่างนี้เป็นการสรุปความแตกต่างระหว่างเทปป้องกันพื้นผิว (Surface Protection film) และ ฟิล์มป้องกันผิวเคลือบสี (Painted Protection Film) ซึ่งเป็นฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วน 2 ประเภทได้รับความนิยมสูงสุดในหลากหลายอุตสาหกรรม

คุณสมบัติ เทปป้องกันพื้นผิว (Surface Protection Film)

ฟิล์มป้องกันผิวเคลือบสี (Protection Film for Painted Surfaces หรือ PPF)

การใช้งานหลัก ปกป้องพื้นผิวต่าง ๆ ระหว่างการผลิต การขนส่ง และการติดตั้ง ปกป้องพื้นผิวเคลือบสีจากการกระแทก การขีดข่วน และความเสียหายที่อาจเกิดจากสภาพแวดล้อม
โครงสร้างวัสดุ LDPE, PVC Elastomeric polymers
ความยืดหยุ่น ปานกลาง สูง
คุณสมบัติ Self-healing  ไม่มี มี
ความทนทาน มีความทนทาน เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป มีความทนทานสูง ทนต่อแรงกระแทกและการเสียดสีได้ดี
การป้องกันรังสียูวี ป้องกันได้ปานกลาง ป้องกันสูงสุด ช่วยไม่ให้สีของพื้นผิวซีดจาง หรือเสียหาย
ความทนทานต่อสารเคมี ปานกลาง สูง
ตัวอย่างการใช้งาน กระจก หน้าต่างอาคาร พื้นผิวพลาสติก อิฐ และหินอ่อน  ชิ้นส่วนภายนอกของรถยนต์หรือ เครื่องบิน และ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 

ให้ Flexipack ช่วยปกป้องสินค้าของคุณ

Flexipack เข้าใจดีว่า การรักษาสินค้าของคุณให้มีพื้นผิวที่สวยงามอยู่เสมอนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงยินดีจะจัดหา ให้คำปรึกษา และช่วยเหลือคุณในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้ให้มั่นใจว่า สินค้าของคุณจะได้รับการปกป้องที่มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความต้องการอย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ การบิน อิเล็กทรอนิกส์ หรือธุรกิจก่อสร้าง

ทำไมถึงเลือก Flexipack?

  • ความเชี่ยวชาญ: ทีมของเราคือผู้เชี่ยวชาญทางด้านแพ็คเกจจิ้งโซลูชัน ยินดีให้คำปรึกษาและช่วยสรรหาฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับคุณ 
  • โซลูชันที่ตอบโจทย์:  Flexipack มีฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนที่สามารถ custom ได้ เพื่อให้เหมาะสมกับสินค้าและความต้องการ
  • คุณภาพและความทนทาน: ฟิล์มป้องกันรอยขีดข่วนของ Flexipack ขึ้นชื่อในเรื่องของคุณภาพ และความทนทาน และยังมาพร้อมกับคุณสมบัติ Sefl-healing 

ติดต่อเราวันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญของเราโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ให้ Flexipack ช่วยปกป้องและรักษาความสวยงามให้สินค้าของคุณ