Flexipack

ในโลกแห่งธุรกิจที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขัน ผู้ผลิตจำต้องอาศัยโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อให้ตัวเองอยู่หน้าคู่แข่งเสมอ หลายธุรกิจจึงเลือกไว้ใจให้ ฟิล์ม BOPP หรือ บีโอพีพี ฮีท ซีล เป็นทางเลือกบรรจุภัณฑ์ ฟิล์ม BOPP เป็นตัวเลือกยอดนิยมที่ผู้ผลิตหลายรายเลือกใช้ ด้วยคุณสมบัติด้านความทนทาน ความหลากหลาย และเนื้อฟิล์มที่บางใส ในบทความนี้ Flexipack จะพาคุณไปทำความรู้จักกับคุณประโยชน์การใช้งานของฟิล์ม BOPP และ คุณสมบัติเฉพาะตัวที่จะช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้กับธุรกิจของคุณ ฟิล์ม BOPP คืออะไร? ฟิล์ม BOPP (Biaxially Oriented Polypropylene Film) คือ ฟิล์มพลาสติกใสที่ผลิตจากโพลีโพรพิลีนและผ่านกระบวนการดึงยืดสองทิศทาง ทำให้มีเนื้อเหนียว ทนทาน และกันความชื้นได้ดี นิยมใช้ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ เช่น ฉลากสินค้า และแรปห่ออาหาร ด้วยผิวที่ลื่น มันวาว และสามารถพิมพ์ลวดลายได้คมชัด ฟิล์ม BOPP ไม่เพียงช่วยเพิ่มความสวยงามให้บรรจุภัณฑ์ แต่ยังช่วยปกป้องสินค้าให้คงคุณภาพยาวนานขึ้นด้วย ฟิล์ม BOPP ยังเป็นที่รู้จักในชื่อ บีโอพีพี ฮีท ซีล (BOPP Heat Seal) ด้วยคุณสมบัติในการเปลี่ยนรูปทรงเพื่อ

สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์แล้ว การป้องกันสินค้าจากปฏิกิริยาไฟฟ้าสถิต (Electrostatic discharge, ESD) ถือเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากไฟฟ้าสถิตสามารถสร้างความเสียหายให้จนอาจทำให้อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สูญเสียฟังก์ชันได้ ตลอดจน ทำให้ค่าใช้จ่ายเพื่อการซ่อมแซม การกำจัด และการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นไปด้วย ถุง ESD (Electrostatic discharge bag) หรือ ถุงป้องกันไฟฟ้าสถิต จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญในเก็บรักษาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยถุง ESD มีให้เลือกใช้หลายรูปแบบ เช่น ถุงแบบ static-shielding ที่มีเกราะป้องกันประจุไฟฟ้า, ถุง moisture barrier bag ที่ป้องกันความชื้น, และถุงแบบ anti-static bag ที่สามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยา ESD ได้ เพื่อการันตีความปลอดภัยของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ภายใน ในบทความนี้ Flexipack จะพาคุณไปทำความรู้จักกับถุง ESD ทั้งคุณสมบัติ การใช้งาน และเหตุผลที่ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ธุรกิจอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ได้ ถุง ESD คืออะไร ถุง ESD (Electrostatic Discharge bags หรือ ESD bags) คือบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันชิ้นส่วนภายในจากปฏิกิริยาไฟฟ

ในยุคปัจจุบันที่โลกหมุนไปด้วยความรวดเร็ว บรรจุภัณฑ์ (Packaging) นับเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาคุณภาพของสินค้า รับประกันความปลอดภัย และช่วยให้ความสะดวกกับผู้บริโภค และในบรรดาบรรจุภัณฑ์หลายชนิดที่มีอยู่ในท้องตลาด บรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (Flexible packaging) ก็ถือตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด ด้วยความอเนกประสงค์ ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับคุณสมบัติอันหลากหลายของบรรจุภัณฑ์อ่อนตัว พร้อมค้นพบจุดเด่นที่ทำให้บรรจุภัณฑ์อ่อนตัวที่มีประโยชน์ทั้งกับฝ่ายผู้ผลิตและผู้บริโภค บรรจุภัณฑ์อ่อนตัว (Flexible packaging) คืออะไร? บรรจุภัณฑ์อ่อนตัว หรือ Flexible packaging คือ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุที่มีความยืดหยุ่น ทนทานต่อแรงดึง ความชื้นและการฉีกขาด วัสดุอย่าง ฟิล์มพลาสติก ฟอยล์อะลูมิเนียม และกระดาษ มักถูกใช้เพื่อประกอบเป็นสร้างโครงสร้างของบรรจุภัณฑ์อ่อนตัว ซึ่งให้คุณสมบัติในการห่อหุ้มและป้องกัน ( Barrier properties) ที่ยอดเยี่ยม ให้ความทนทาน และยังนำไปใช้งานได้หลากหลาย บรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถของการป้องกันผลิตภัณฑ์จากสารปนเปื้อนและความเสียหายทางกายภาพ รวมไปถึงให้ผิวที่

ในยุคปัจจุบัน ที่ทุกสเต็ปของชีวิตประจำวันของเราเต็มไปด้วยเทคโนโลยี ชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถือเป็นสินค้าที่มีความสำคัญและต้องการการดูแลอย่างพิถีพิถัน ความกังวลหลัก ๆ ของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ก็คือ การเกิดไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Discharge, ESD) ที่อาจทำให้สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เกิดความเสียหายจนถึงขั้นใช้งานไม่ได้ ถุงป้องกันไฟฟ้าสถิต (Anti-static bags) จึงมีบทบาทสำคัญในอุตสากรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติในการป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิต ช่วยการันตีความปลอดภัยของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของคุณ ตั้งแต่กระบวนการผลิต ไปจนถึงการขนส่ง และการใช้งานของผู้บริโภค ถุงกันไฟฟ้าสถิต คืออะไร? ถุงกันไฟฟ้าสถิต (Static Shielding Bag / Anti-Static Bag) คือ บรรจุภัณฑ์แบบพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากปฏิกิริยาไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Discharge, ESD) ถุงประเภทนี้ทำจากวัสดุหลายชั้น โดยมีโครงสร้างที่จะช่วยป้องกันการถ่ายเทประจุไฟฟ้าของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากการถ่ายเทประจุจะนำไปสู่การเกิดไฟฟ้าสถิต ที่จะสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนนั้น ๆ  ประเภทของถุงกันไฟฟ้าสถิต ถุงป

ฟิล์มหด เป็นถืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยจะปกป้องสินค้าได้เป็นอย่างดีทั้งในระหว่างการขายและการขนส่ง โดยทั่วไปแล้ว ฟิล์มหดที่ได้รับความนิยมจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ polyvinyl chloride (PVC), polyethylene (PE) และ polyolefin (POF) ซึ่งแต่ละชนิดย่อมมีคุณสมบัติและความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ตอบโจทย์การใช้งานในแบบที่ต่างกัน ในบทความนี้ Flexipack จะพาคุณไปทำความรู้จักกับคุณสมบัติที่แตกต่างของฟิล์มหดทั้ง 3 ชนิด และช่วยให้คุณเลือกฟิล์มแบบที่เหมาะสมที่สุดกับความธุรกิจคุณ ฟิล์มหด (Shrink Film) คืออะไร? ฟิล์มหด (Shrink Film) คือ บรรจุภัณฑ์อเนกประสงค์ที่ทำจากวัสดุพลาสติกเนื้อใส ซึ่งเป็นที่นิยมถูกใช้ในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก ฟิล์มหดโดดเด่นด้วยความสามารถของการหดตัวเมื่อเจอกับความร้อน ทำให้บรรจุภัณฑ์สามารถห่อหุ้มสินค้าได้อย่างแน่นหนาและทนทานต่อการฉีกขาด ฟิล์มหด สามารถถูกผลิตออกมาได้หลายรูปแบบ อาทิ เช่น แบบม้วนแผ่นเดี่ยว แบบม้วนท่อ และแบบถุง ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกที่มีความยืดหยุ่นและความหลากหลายในการใช้งาน นอกจากนี้ ฟิล์มหดยังให้คุณสมบัติในการห่อหุ้มและปกป้องผลิตภัณฑ์ (Barrier properties) ที่ยอดเยี่ยม ซ

ในอุตสาหกรรมนั้นมีบรรจุภัณฑ์พลาสติกมากมายที่ใช้เพื่อจุดประสงค์ต่าง ๆ บรรจุภัณฑ์เหล่านั้นมีกี่ประเภท แต่ละประเภทใช้ในการบรรจุอะไร แล้วความสำคัญของฟิล์มพลาสติกเหล่านี้คืออะไร มาไขความสงสัยไปพร้อม ๆ กันได้ในบทความนี้  ฟิล์มพลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมมีอะไรบ้าง ฟิล์มพลาสติกที่ใช้ในการบรรจุภัณฑ์นั้นเป็นส่วนสำคัญของการทำอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ฟิล์มเหล่านั้นคือฟิล์มพลาสติกที่อยู่ในกลุ่ม   Thermosoftening plastic หรือ Thermo Plastic พลาสติกที่สำคัญกลุ่มนี้ก็เช่น PVC,PE, PP, Nylon ที่เรารู้จักกันดี เป็นพลาสติกที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวาง   เป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดี เหนียว ทนทานต่อแรง  พื้นผิวลื่นมันวาว  โปร่งแสง  มีความยืดหยุ่นดี ทนความร้อนได้ไม่มาก ผิวเรียบ สามารถม้วนพับได้โดยไม่ผิดรูป ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายของฟิล์มทำให้ได้รับความนิยมในการใช้งานสำหรับการบรรจุเป็นอย่างมาก โดยมีการแปรรูปเป็นหลายผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ เช่น Stretch Film หรือ  ฟิล์มยืด ใช้กันอย่างแพร่หลายในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อใช้สำหรับรัดสินค้า รัดเพื่อป้องกันน้ำ ฝุ่น หรือพันเพื่อความหนาแน่น ใช้ทดแทนสายรัดเนื่องจากสะดวกและแข็งแรง ปัจจุบันสินค้า

เราอยู่ในช่วงที่ธุรกิจออนไลน์กำลังมาแรง มีการแข่งขันสูง นอกจากจะวัดกันที่คุณภาพสินค้าแล้ว การบริการที่ดีเยี่ยม ก็มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า หนึ่งในบริการที่มักถูกพูดถึงนั่นก็คือ การแพ็คสินค้า นับเป็นกลยุทธ์ในการทำการตลาดวิธีหนึ่งก็ว่าได้  รูปแบบของพลาสติกกันกระแทกและการใช้งาน พลาสติกกันกระแทกแต่ละประเภท มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้ แอร์บับเบิลแบบใส (Clear Air Bubble) เป็นพลาสติกกันกระแทกที่เห็นได้บ่อยที่สุด ใช้สำหรับห่อหุ้มสินค้าเพื่อป้องกันแรงกระแทก ลดความเสียหายระหว่างการขนส่งและจัดเก็บ จุดเด่นคือ เป็นพลาสติกกันกระแทกที่มีความโปร่งใส สามารถมองเห็นสินค้าได้โดยไม่ต้องแกะห่อ นิยมใช้กับสินค้าทั่วไป เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่ง หรือเฟอร์นิเจอร์ แอร์บับเบิลป้องกันไฟฟ้าสถิต (Anti-Static Air Bubble) มักมีสีชมพูหรือน้ำเงิน เป็นพลาสติกกันกระแทกสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และเครื่องมือที่ไวต่อไฟฟ้าสถิต โดยออกแบบมาเพื่อลดการสะสมของประจุไฟฟ้า ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสินค้าได้  แอร์บับเบิลฉนวนกันความร้อน (Air Bubble Insulation) เป็นพลาสติกก

สิ่งหนึ่งที่เหล่านักช็อปมักจะกังวลเมื่อเลือกซื้อสินค้าออนไลน์นั่นก็คือ คุณภาพของการแพ็คสินค้า เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการหน้าใหม่ไม่ควรพลาดที่จะทราบถึงวิธีการแพ็คสินค้าอย่างไร ให้ปลอดภัยถึงมือลูกค้า อีกทั้งยังช่วยสร้างความประทับใจ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า และกลับมาซื้ออีกครั้ง ขั้นตอนการแพ็คสินค้า การแพ็คสินค้าถือเป็นหนึ่งในต้นทุนที่ต้องนำมาคำนวณ ไม่ว่าจะเป็นกล่องวัสดุ, บับเบิลห่อของ, แผ่นโฟมกันกระแทก, กาว, สก๊อตเทป หรือเชือกมัดกล่อง ดังนั้นผู้ประกอบการควรเพิ่มความใส่ใจในขั้นตอนการแพ็คสินค้าให้มีคุณภาพมากที่สุด ถึงจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า บทความนี้จะช่วยให้เหล่าผู้ประกอบการหน้าใหม่รู้วิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการแพ็คสินค้าโดย 5 วิธี ดังต่อไปนี้ 1. เลือกขนาดกล่องพัสดุให้เหมาะกับสินค้า กล่องพัสดุไม่ควรมีขนาดที่เล็กหรือใหญ่เกินไป เพราะถ้าเล็กเกินไปจนสินค้าต้องอัดแน่นอยู่ในกล่องจะไม่สามารถผ่อนแรงกระแทกในการขนส่งได้ แต่ถ้าหากใหญ่จนเกินไปอาจทำให้สินค้าเคลื่อนที่ไปมา ก่อให้เกิดเป็นความเสียหายได้ 2. เลือกประเภทของวัสดุกันกระแทกที่ดีต่อสินค้า สินค้าเกือบทุกประเภท ยกเว้นสินค้าจำพวกเสื้อผ้าที่สามารถแ

ถุงกันไฟฟ้าสถิต หรือ Static Shielding Bag นั้นคืออะไร หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อนี้ด้วยซ้ำ เจ้าถุงนี้มีจริงหรือ มันเอาไว้ทำอะไร จุดประสงค์ใดที่มีการประดิษฐ์ถุงนี้ขึ้นมา มารู้จักกับถุงกันไฟฟ้าสถิตให้มากขึ้นอีกนิด แล้วจะรู้ว่ามันมีประโยชน์กับชีวิตคุณอย่างไร มาเริ่มเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันเลย คุณสมบัติของถุงกันไฟฟ้าสถิต ถุงกันไฟฟ้าสถิตคือ ถุงที่ใช้บรรจุ หรือใช้ใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ใช้ในการขนส่งสินค้า หรือเพื่อการเก็บรักษาอุปกรณ์ เช่น แผงวงจรต่าง ๆ ผงสารเคมี เซมิคอนดักเตอร์ หรือ อุปกรณ์ที่มีความไวต่อประจุไฟฟ้าสถิต วัสดุที่นิยมนำมาผลิตคือ เนื้อ LDPE, HDPE, APET, CPP ใส่สาร Anti-Static 2% หรือบางโรงงานอาจใส่สีเพิ่ม ผิวของถุงกันไฟฟ้าสถิตมีลักษณะที่โปร่งแสงและมีความวาวเล็กน้อย ซึ่งขึ้นอยู่กับชั้นฟิล์มที่ใช้ในการผลิต และมีความหนาเป็นพิเศษ ปกติจะอยู่ที่ 50-160 ไมครอน แล้วแต่การใช้งาน ประโยชน์ของถุงกันไฟฟ้าสถิต ถุงกันไฟฟ้าสถิตนั้นมีมากมาย โดยที่ส่วนใหญ่อยู่ที่การใช้งาน เพื่อรักษาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยที่ประโยชน์ของถุงป้องกันไฟฟ้าสถิต คือ วัสดุที่ใช้ในการผลิตคือ เนื้อ LDPE, HDPE, APET, CPP ใ

พลาสติกที่ใคร ๆ ต่างพูดถึงว่าเป็นขยะ ที่กำลังจะล้นโลก แต่พลาสติกจะมีจำนวนมากขนาดนั้นได้อย่างไร หากไม่ถูกใช้งานจากมนุษย์ จึงเป็นข้อสังเกตที่ว่า หรือความสำคัญของพลาสติกนั้นมีมากกว่าข้อเสีย จึงทำให้ไม่ว่าใครก็ต่างเลือกใช้พลาสติกในชีวิตประจำวันกันทั้งนั้น ความสำคัญของพลาสติกต่อชีวิตประจำวัน เพราะชีวิตไม่ได้ว่างให้มาจัดแจงสิ่งของเครื่องใช้กันมากนัก ความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตคือเป้าหมายของใครหลายคน ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า ทำกิจวัตรประจำวัน ทานอาหาร เดินทางไปทำงาน ถึงแม้ว่าจะเลือกใช้กระเป๋าผ้าในการซื้อของ แต่น้ำที่ซื้อดื่ม ขวดก็ยังเป็นพลาสติกอยู่ดี ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสำคัญของพลาสติกอยู่กับเราทุกที่ ทุกเวลาตั้งแต่ตื่นจนหลับจริง ๆ ตัวอย่างชนิดพลาสติกที่พบได้ในชีวิตประจำวัน กิจกรรมในชีวิตประจำวันของเรานั้นมีเรื่องให้ทำมากมาย จนบางครั้งก็อาจไม่ทันสังเกตว่า สิ่งของที่เราใช้กันอยู่เป็นประจำนั้นเป็นพลาสติกแบบไหน รู้เพียงว่าย่อยสลายได้ยาก เพราะฉะนั้นบทความนี้จะมาพูดถึงชนิดของพลาสติกที่พบได้ในชีวิตประจำวัน และคุณจะรู้ว่าความสำคัญของพลาสติกนั้นมีมากกว่าที่คิด พอลีเอทิลีน (Polyethylene : PE) พอลีเอ